ถุงยางป้องกันการท้องได้มากแค่ไหน

ว่ากันด้วยเรื่องของประชากรมนุษย์และคุณภาพชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา การสั่งสมประสบการณ์แล้วนั้น หากเราเติบโตมาในสังคมที่ไม่ดีพอ ก็จะทำให้เกิปัญหากับคนอื่นๆ ในสังคมได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาเกี่ยวกับ “การท้องก่อนวัยอันควร” ก็เป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆ วันนี้เราจึงอยากมาให้ความรู้เกี่ยวกับ “ถุงยางป้องกันการท้องได้มากแค่ไหน” กันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

ถุงยาง คืออะไร?

ถุงยางอนามัย (condom) เป็นอุปกรณ์ประเภทสิ่งกีดขวางที่ใช้ระหว่างร่วมเพศเพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์หรือการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีทั้งสำหรับเพศหญิงและเพศชาย เมื่อใช้อย่างถูกต้องทุกครั้งที่ร่วมเพศ ผู้หญิงที่คู่นอนใช้ถุงยางอนามัยชายมีอัตราการตั้งครรภ์อยู่ที่ 2% ต่อปี โดยมีอัตราการตั้งครรภ์เมื่อใช้แบบทั่วไปอยู่ที่ 18% ต่อปี การใช้ถุงยางอนามัยลดโอกาสการติดโรคหนองในแท้, โรคหนองในเทียม, เชื้อทริโคโมแนส, เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี, โรคเอดส์ และซิฟิลิส

โดยถุงยางอนามัยชายควรใส่ขณะองคชาตแข็งตัวก่อนการร่วมเพศ โดยใช้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำอสุจิเข้าไปในร่างกายของคู่นอน ถุงยางอนามัยชายมักทำจากยางพารา หรืออาจทำจากโพลียูรีเทนหรือลำไส้แกะ ถุงยางอนามัยชายมีข้อดีตรงที่ใช้ง่าย พกพาสะดวก และมีผลข้างเคียงน้อย[1] สำหรับผู้แพ้ยางพารา ควรใช้แบบที่ผลิตจากโพลียูเทนหรือวัสดุสังเคราะห์อื่นแทน ถุงยางอนามัยสตรีมักทำจากโพลียูรีเทนและไม่สามารถใช้ซ้ำได้

ถุงยางป้องกันการท้องได้มากแค่ไหน

กล่าวได้ว่าการสวมถุงยาง อนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์สามารถลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์ได้ถึง 98% แต่ก็ไม่ถึง 100% เพราะร่างกายของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน อีกทั้งช่วงระหว่างการทำกิจกรรมอาจเกิดการหลุดรอดของน้ำเชื้อเข้าสู่จุดสำคัญได้นั้นเองครับ เพื่อป้องการท้องให้ได้ 100% จะต้องสวมถุงยางและหลั่งนอกเท่านั้นจึงจะดีที่สุดครับ

หลักการเลือกซ้อถุงยางที่เหมาะสม

การเลือกการป้องกันด้วยวิธีนี้นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากเราเลือกซื้อสินค้าที่มีปัญหา จะส่งผลให้การป้องกันที่ควรได้รับไม่มากเท่าที่ควรส่งผลให้เกิดความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งท้องก่อนวัยอันควร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เราจึงควรเลือกถุงยางอนามัยตามวิธีดังต่อไปนี้

●อ่านฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง การซื้อทุกครั้งเราจำเป็นต้องอ่านฉลากเพื่อให้ได้รู้ว่าสินค้าตัวนั้น ๆ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือไม่ รวมถึงข้อมูลด้านอื่น ๆ เช่น วันหมดอายุ หรือ ต้องใช้ก่อนวันที่เท่าไหร่ เป็นต้น

●การเลือกประเภทของถุงยาง สำหรับในประเทศไทยโดยทั่วไปเราจะสามารถพบเห็นขนาดของถุงยางอนามัยที่วางขายในขนาด 49 มม. 51 มม. และ 52 มม. ซึ่งการเลือกซื้อเพื่อมาใช้งานควรเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะสม เพื่อให้การป้องกันเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

●การบรรจุและการจัดวางสินค้า ก่อนซื้อเราควรตรวจดูว่ากล่องที่บรรจุถุงยางอนามัยชำรุด หรือฉีกขาดบ้างหรือไม่ เพราะตัวสินค้าภายในอาจมีความชำรุด ซึ่งไม่ควรนำมาใช้งาน นอกจากนี้ตัวสินค้ายังต้องถูกเก็บรักษาให้พ้นจากแสงแดดเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวถุงยางเสื่อมสภาพนั้นเองครับ

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัยที่ควรรู้

นอกจากการเลือกซื้อที่ถูกต้องแล้ว ผู้ใช้งานต้องคำนึงถึงข้อควรระวัง หรือข้อควรปฏิบัติในการใช้ถุงยางอนามัยด้วย โดยสิ่งที่ต้องคำนึงได้แก่

–          ระยะเวลาในการใช้งาน การใช้ 1 ชิ้นจะต้องใช้ไม่เกิน 30 นาที เพราะความสมบูรณ์ของตัวถุงยางอนามัยอาจจะเสื่อมสภาพลง และต้องใช้แล้วทิ้งเท่านั้น ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่โดยเด็ดขาด

–          ระวังสารหล่อลื่น การใช้สารหล่อลื่นบางชนิดอาจมีผลกับตัวถุงยางอนามัย จึงควรหลีกเลี่ยงสารหล่อลื่นที่เป็นน้ำมันพืช น้ำมันแร่เป็นตัวละลาย เนื่องจากสารเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาจนเกิดความเสียหายต่อถุงยางอนามัยได้

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ถุงยางป้องกันการท้องได้มากแค่ไหน” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกัน อ่านแล้วต้องป้องกันให้ดีก่อนจะดีต่อตัวเราและเด็กนะครับ