ผู้ชายมีกี่ size และต้องเลือกถุงยางอย่างไร?

เคยคิดกันเล่นๆ กันบ้างหรือปล่าวครับว่า “ขนาดของน้องชาย” ของคนเรานั้นจะมีกันสักกี่ขนาดและถูกจัดแบ่งกันออกเช่นไรบ้าง แล้วใครกันนะที่เป็นผู้ให้คำนิยามในการจัดแบ่งขนาดเหล่านี้ ชายต่างชาติจะมีน้องชายที่แตกต่างกันตามชาติพันธุ์ด้วยหรือปล่าว? บทความนี้จึงอยากพาทุกๆ ท่านไปหาคำตอบกันดูครับ

ทำความรู้จักกับอวัยวะเพศชาย

น้องชาย องคชาตหรืออีกหลายๆ ชื่อเรียก (เป็นอวัยวะเพศของเพศชายที่ใช้สืบพันธ์ และทำหน้าที่เป็นท่อปัสสาวะ มีลักษณะเป็นท่อนยาว อยู่ภายนอกร่างกายของเพศชาย ตรงบริเวณหัวหน่าวทำหน้าที่เป็นทางผ่านของปัสสาวะและน้ำกาม ประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อฟองน้ำ 1 คู่ และท่อปัสสาวะบางส่วน กล้ามเนื้อลักษณะฟองน้ำ ทำหน้าที่ในการกักเก็บเลือด เมื่อมีอารมณ์ทางเพศทำให้เกิดการแข็งตัวขององคชาต เพื่อให้สามารถสอดใส่องคชาตเข้าไปภายในช่องคลอดของเพศหญิง ที่ปลายองคชาตเป็นจุดรวมของเส้นประสาท ซึ่งไวต่อการกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ซึ่งส่วนนี้เปรียบเทียบได้กับคลิตอริสของเพศหญิง

ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายเป็นอย่างไรและใช้อย่างไรกันนะ?

ถุงยางอนามัย (Condom) มาจากภาษาละติน แปลว่า ภาชนะที่รองรับ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายใช้สวมครอบอวัยวะเพศของตนเอง สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน และเอดส์ได้ หลักๆ แล้วใช้สำหรับการป้องกันการตั้งครรภ์เป็นหลักครับ

ขนาดของน้องชายที่ถูกจัดแบ่งตามไซด์ถุงยางแบ่งออกอย่างไรบ้าง?

ขนาดของน้องชายหรือถุงยางอนามัยนั้นจะวัดจากเส้นรอบวง ซึ่งของชายไทยจะแบ่งออกเป็น 4 ขนาดหลักๆ ดังต่อไปนี้

●ถุงยางอนามัย ขนาด 49 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 11-12 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
●ถุงยางอนามัยขนาด 52 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 12-13 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
●ถุงยางอนามัย ขนาด 54 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 13-14 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
●ถุงยางอนามัยขนาด 56 มิลลิเมตร (เท่ากับ เส้นรอบวงองคชาต 14-15 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 6 นิ้วขึ้นไป)

ประโยชน์ของถุงยางอนามัย

–          ช่วยในการคุมกำเนิด หน้าที่ของถุงยางอนามัยคือการป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้ ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้มีโอกาสคุมกำเนิดได้มากขึ้น เมื่อมีการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี ดังนั้นควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และสังเกตให้ดีก่อนว่าถุงยางอนามัยที่สวมอยู่นั้นรั่วหรือชำรุดหรือไม่

–          ป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ นอกเหนือจากการป้องการการตั้งครรภ์แล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น เพราะการรติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้ง่าย

–          ช่วยในการลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัยที่คุณต้องรู้

●ควรตรวจดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ถุงยางอนามัยทุกครั้ง

ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในที่ที่เย็นและแห้ง ไม่ควรเก็บในที่ร้อน เนื่องจากสภาวะดังกล่าวสามารถทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพได้

●ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะอาจทำให้มีการกดทับ ส่งผลให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดง่าย

●ฉีกซองถุงยางด้วยมือ ไม่ควรใช้กรรไกรตัดหรือใช้ฟันกัด เนื่องจากอาจทำให้ถุงยางฉีกขาด ก่อนใช้อย่าลืมตรวจดูให้แน่ใจว่าถุงยางอยู่ในสภาพดี

●ใส่และถอดถุงยางอย่างถูกวิธี หลักๆ คือ สวมใส่ถุงยางเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่แล้ว ไม่ลืมบีบปลายกระเปาะของถุงยางเพื่อไล่อากาศออกให้หมดก่อนสวมใส่ แล้วรูดถุงยางจนสุด และหากจะมีเพศสัมพันธุ์ครั้งต่อไปจะต้องเปลี่ยนชิ้นใหม่เสมอๆ ห้ามใช้ซ้ำเด็ดขาด

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ผู้ชายมีกี่ size และต้องเลือกถุงยางอย่างไร?” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นกันครับ หวังว่าจะเป็นแนวทางและช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับทุกๆท ท่านกันไม่มากก็น้อยกันนะครับ