หากว่ากันด้วยเรื่องของ “ถุงยางอนามัยกับวัยรุ่น” นับเป็นสิ่งวัยรุ่นหลายๆ คนมองข้าม เนื่องจากหลายคนมักกลัวหรือเขินอายการไปซื้อถุงยางอนามัยมาใช้ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมากับวัยรุ่นจำนวนมากที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่มีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย แม้ว่าจะมีวิธีการป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์อื่นๆ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็อาจจะทำให้มีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย บทความนี้จะขอพาท่านผู้อ่านไปพบกับ “เทคนิคเลือกถุงยางสำหรับมือใหม่” กันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ดราไปดูกันดีกว่าครับ
ทำความรู้จักกับ “ถุงยางอนามัย”
ถุงยางอนามัย คือ อุปกรณ์สำหรับป้องกันเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ที่นิยมใช้เป็นอันดับต้นๆ สำหรับวิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราว เนื่องจากหาซื้อง่าย ใช้ง่าย และสะดวก ตัวถุงยาอนามัยที่ขายในท้องตลาดปัจจุบัน ทำมาจากยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ นอกจากประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้ 85-98% แล้ว ยังช่วยป้องกันการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
เทคนิคเลือกถุงยาง
●เลือกตามขนาดของถุงยางอนามัย องค์การกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ (ISO) ค.ศ.1990 ได้แบ่งขนาดถุงยางอนามัยออกเป็น 13 ประเภทตามขนาดความกว้าง คือ ตั้งแต่ ขนาด 44 มิลลิเมตรจนถึงขนาด 56 มิลลิเมตร และกำหนดความยาวของถุงยางอนามัย วัดจากปลายเปิด ไปจนถึงปลายฝั่งที่ปิด ผู้ผลิตถุงยางอนามัยในประเทศไทยเอง จะนิยมจำหน่ายขนาด 49 , 52, 54 และ 56 มิลลิเมตร
●เลือกความบางของถุงยางอนามัยที่ชอบ ปัจจุบันในท้องตลาดก็มีชนิดบางหรือบางพิเศษให้เลือกใช้ เพราะมีหลายคนที่เชื่อว่ายิ่งถุงยางอนามัยบาง จะยิ่งให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้มีถุงยางอนามัยที่บางเพียง 0.01 มิลลิเมตรให้ซื้อในปัจจุบัน
●เลือกจากผิวสัมผัสของถุงยางอนามัย ผิวสัมผัสของถุงยางอนามัยแบ่งเป็นแบบผิวเรียบ (Smooth) คือถุงยางอนามัยทั่วไป และแบบผิวไม่เรียบ (Textured) คือ ถุงยางที่มีปุ่มนูน หรือมีขีด ช่วยเพิ่มความรู้สึกให้คู่นอนระหว่างมีเพศสัมพันธ์
●เลือกจารสชาติและกลิ่นของถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยมีรสชาติและกลิ่นที่หลากหลายให้เลือกใช้ เพื่อเพิ่มสีสันให้กิจกรรม ทั้งกลิ่นอาหาร ขนม ดอกไม้ เช่น กลิ่นสตรอเบอรี่ บลูเบอร์รี่ น้ำผึ้ง เลมอน ช็อกโกแลต ใครชอบแบบไหนก็สามารถเลือกซื้อตามรสนิยมได้เลย
●เลือกจากปริมาณสารควบคุมการหลั่ง นอกจากจะมีขนาด ความบาง ผิวสัมผัส และรสชาติให้เลือกอย่างหลากหลายแล้ว ปัจจุบันถุงยางอนามัยบางยี่ห้อยังมีการใส่สารควบคุมการหลั่งเข้าไปด้วย เพื่อช่วยชะลอการถึงจุดสุดยอด และยืดระยะเวลาแห่งความสุขให้นานยิ่งขึ้น
3 ประโยชน์ของถุงยางอนามัย
●ช่วยในการคุมกำเนิด หน้าที่ของถุงยางอนามัยคือการป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้ ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้มีโอกาสคุมกำเนิดได้มากขึ้น เมื่อมีการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี ดังนั้นควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และสังเกตให้ดีก่อนว่าถุงยางอนามัยที่สวมอยู่นั้นรั่วหรือชำรุดหรือไม่
●ลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย
●สามารถป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ เพราะการป้องการการตั้งครรภ์แล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น เพราะการรติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้ง่าย
เห็นมั้ยหล่ะครับว่า “ถุงยางอนามัย” เป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าที่หลายๆ คนคาดเอาไว้ ดังนั้นแล้วควรเลือกใช้งานให้ดีกันนะครับ เราหวังว่าบทความนี้จะดป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกันนะครับ